ประเภทของสีนั้น มีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับพื้นผิวของวัสดุที่จะทา ซึ่งในงานเหล็กนั้น งานทาสีก็จำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะสีนั้นนอกจากจะทาเพื่อความสวยงามแล้ว ยังสามารถป้องกันการกัดกร่อนของ สนิม และสารเคมีอื่นๆได้อีกด้วย ซึ่ง วันนี้ผมจะแนะนำ ความรู้เบื้องต้นที่ควรรู้ ดังต่อไปนี้
- สีทาเหล็กนั้นปกติ ต้องทาสองชั้น คือสี Primer และสี Top Coat
- สี Primer คือสีรองพื้น มีคุณสมบัติป้องกันการเกิดสนิม และ ทำหน้าที่ ทำให้ สีชั้นนอกยึดเพาะกับพื้นผิวเหล็กได้ดีขึ้น
- สี Intermedate คือสีชั้นกลาง อาจมีหรือไม่มีก็ได้ขึ้นอยู่กับ Spec ของเจ้าของงาน ซึ่งสีชั้นนี้ มีไว้เพิ่มความทนทานของสี คุณสมบัติยึดติดระหว่างสีรองพื้นกับจริงได้ดี
- สี Top Coat คือ สีทาทับหน้า ควรมีคุณสมบัติ ในการป้องกันการกัดกร่อน ทนแดด และไม่หลุดร่อนง่าย
- ความหนาของสี มีหน่วยเป็น ไมครอน หรือ เท่ากับ 0.001 มิลลิเมตร
- สีที่ขายทั่วไป มี หน่วยเป็น US Gallon ประมาณ 3.785 ลิตร ทาได้ประมาณ 30-40 ตารางเมตรขึ้นอยู่กับความหนาสี
- 1 Layer ความหมายในงานสีคือการทาสี 1 รอบ ซึ่ง จะมีการทากี่รอบขึ้นอยู่กับความหนาของสีที่ต้องการ ยกตัวอย่าง 1 Layer ทาสี 1 เที่ยว หนา 50 ไมครอน ถ้าต้องการ 100 ไมครอนต้องทา 2 Layer เป็นต้น
- ถ้าอยากรู้ว่า ทาสีหนึ่งรอบได้กี่ไมครอนหรือกี่ตารางเมตร ต้องไปดูที่ Specification นะครับ ระบุไว้หมด
เกี่ยวกับการคำนวณราคา
- Lost หรือปริมาณสีที่สูญเสียไปกับอากาศ เผื่อไว้เลยครับ ประมาณ 25%-35% ขึ้นอยู่กับ รูปลักษณ์ของชิ้นงาน
- การคำนวณราคาสี คิดเป็นตารางเมตรต่อเที่ยว แยกเป็นค่าสีและค่าแรง
- การคำนวณราคา จะต้องคำนึง วิธีการเตรียมผิววัสดุด้วย เช่น การพ่นทราย (Sand blast) หรือ การขัดด้วยแปรง หรือเครื่องมือ อื่นๆ
- ส่วนค่าสี ขึ้นอยู่กับชนิดของสีที่ใช้ ควรเช็คราคา ก่อน
