ระบบ Preaction Double Interlock มีสองประเภทหลัก ๆ คือ แบบ Electric และ แบบ Pneumatic ซึ่งมีความแตกต่างกันในวิธีการตรวจจับและเปิดระบบดับเพลิง ต่อไปนี้คือความแตกต่างระหว่างทั้งสองประเภท:
1. Preaction Double Interlock Electric
- หลักการทำงาน: ใช้การตรวจจับไฟฟ้า (Electric) ผ่านระบบตรวจจับอัคคีภัย เช่น อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) หรืออุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ร่วมกับการเปิดหัวสปริงเกลอร์
- การทำงานของระบบ: จะต้องมีสัญญาณจาก ระบบตรวจจับไฟฟ้า (electric detection system) และหัวสปริงเกลอร์ที่เปิดพร้อมกัน เพื่อที่จะเปิดวาล์ว Preaction และให้น้ำไหลเข้าสู่ท่อ
- ข้อดี: ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเมื่อตรวจพบเพลิงไหม้ เนื่องจากระบบใช้การตรวจจับไฟฟ้าที่ไวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการการป้องกันอย่างรวดเร็วและแม่นยำ เช่น ศูนย์ข้อมูล ห้องคอมพิวเตอร์ หรือห้องเซิร์ฟเวอร์
2. Preaction Double Interlock Pneumatic
- หลักการทำงาน: ใช้การตรวจจับความดันอากาศ (Pneumatic) ร่วมกับระบบตรวจจับอัคคีภัย โดยท่อสปริงเกลอร์ในระบบนี้จะถูกกดดันด้วยอากาศ เมื่อเกิดเพลิงไหม้ แรงดันอากาศจะลดลงเมื่อหัวสปริงเกลอร์เปิด ซึ่งทำให้ระบบเปิดวาล์ว Preaction
- การทำงานของระบบ: ระบบจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแรงดันในท่อ (จากการเปิดหัวสปริงเกลอร์) และสัญญาณจาก ระบบตรวจจับอัคคีภัย (fire detection system) ทำงานพร้อมกัน จึงจะเปิดวาล์ว Preaction
- ข้อดี: ระบบนี้สามารถตรวจจับการรั่วไหลของท่อได้ดีกว่า เพราะท่อถูกกดดันด้วยอากาศ ถ้ามีการรั่วไหลแรงดันอากาศจะลดลงโดยไม่ปล่อยน้ำ เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลของท่อน้ำ เช่น พิพิธภัณฑ์ หรือห้องเก็บเอกสารสำคัญ
สรุปความแตกต่าง
- Electric: ใช้ระบบตรวจจับอัคคีภัยไฟฟ้าร่วมกับหัวสปริงเกลอร์ เมื่อมีเพลิงไหม้ทั้งสองต้องทำงานพร้อมกันจึงจะเปิดวาล์วให้น้ำไหลเข้าสู่ท่อ
- Pneumatic: ใช้ระบบตรวจจับแรงดันอากาศในท่อร่วมกับระบบตรวจจับอัคคีภัย ทั้งแรงดันอากาศในท่อต้องลดลง (จากหัวสปริงเกลอร์เปิด) และระบบตรวจจับอัคคีภัยต้องทำงานพร้อมกัน
ทั้งสองระบบนี้เป็น Double Interlock ซึ่งให้ความมั่นใจสูงว่าน้ำจะไม่ถูกปล่อยโดยไม่จำเป็น